การคุมกำเนิดฉุกเฉิน Emergency contraception ในบางแห่งอาจเรียกว่า Postcoital contraception หรือ Morning after pill หมายถึง การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจหรือไม่มีความพร้อมของสตรี ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว ได้แก่
- เกิดเหตุฉุกเฉินไม่รู้ตัวล่วงหน้ามาก่อน เช่น
- การถูกบังคับขืนใจ
- การเผลอตัวเผลอใจมีเพศสัมพันธ์กับแฟนที่คบกันอยู่
- การมีเพศสัมพันธ์กับคนที่บังเอิญเจอกันแล้วถูกใจแบบ One Night Stand ทั้งๆ ที่ไม่มีการคุมกำเนิดหรือการป้องกันใดๆ
- มีการป้องกันหรือคุมกำเนิดแล้วแต่เกิดข้อผิดผลาดบางอย่าง เช่น
- ลืมฉีดยาคุมกำเนิดเมื่อถึงเวลาที่หมอนัด
- ลืมกินยาคุมกำเนิดติดต่อกันตั้งแต่ 2 เม็ดขึ้นไป
- การใช้วิธีคุมกำเนิดแบบหลั่งข้างนอก แต่ดึงออกไม่ทันน้ำอสุจิได้เข้าไปในช่องคลอดผู้หญิงแล้ว(วัยรุ่นนิยมใช้วิธีนี้ ทำให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์และทำแท้งจำนวนมาก)
- ถุงยางอนามัยที่ใช้ หลุด รั่ว หรือฉีกขาด ในขณะที่กำลังมีเพศสัมพันธ์
มารู้จักยาคุมกำเนิดฉุกเฉินกันเถอะ
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่มีจำหน่ายตามร้านขายยาต่างๆ ในประเทศไทยนั้น มีด้วยกัน 3 ยี่ห้อ คือ โพสตินอร์(Postinor) มาดอนน่า(Madonna) และแมรี่พิงค์(Marypink) ซึ่งทั้ง 3 ยี่ห้อนั้นมีตัวยาเหมือนกัน และมีผลในการคุมกำเนิดเหมือนกัน รูปแบบของยาเป็นยาเม็ด บรรจุแผงละ 2 เม็ด / 1 กล่อง ใน 1 เม็ดประกอบด้วยตัวยาที่เป็นฮอร์โมนเลโวนอร์เจสเตรล(Levonorgestrel) 750 ไมโครกรัม
การใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
ควรใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ตั้งใจหรือจำเป็น เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น เพราะหากใช้พร่ำเพรื่ออาจก่อผลเสียแก่ผู้ใช้ได้ โดยทั่วไปหลังจากการมีเพศสัมพันธ์แล้ว ตัวอสุจิจะนำพาตัวเองแหวกว่ายจากช่องคลอดผ่านปากมดลูกเข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อไปยังท่อนำไข่ ซึ่งมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไข่ที่กำลังไหลมาตามท่อนำไข่โดยใช้เวลาประมาณ 1 วัน จะมีตัวอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเจาะผ่านเปลือกไข่แล้วเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้สำเร็จ จากนั้นจะมีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์จนโตเต็มที่เรียกว่า Blastocyst โดยที่ไข่ไม่เพิ่มขนาด จากนั้นจะกลิ้งกลับเข้าไปในโพรงมดลูกอีกครั้งเพื่อทำการฝังตัวกับผนังมดลูก หากการฝังตัวสำเร็จก็จะเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นโดยใช้เวลาตั้งแต่ปฏิสนธิจนถึงการตั้งครรภ์ประมาณ 6 วัน ดังนั้นการป้องกันการตั้งครรภ์แบบฉุกเฉินจึงควรทำให้สำเร็จก่อนที่ไข่จะมีการฝังตังในผนังมดลูก คือ ประมาณ 5 วันนับจากวันที่มีการปฏิสนธิของไข่ ซึ่งมีกลไกป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ดังนี้
- ยับยั้งหรือชะลอการตกไข่
- ขัดขวางการเดินทางของอสุจิและไข่ เพื่อไม่ให้เกิดการปฏิสนธิ
- เปลี่ยนแปลงสภาพของเยื่อบุโพรงมดลูก เพื่อให้ยากต่อการฝังตัวของไข่
- ควบคุมรังไข่ไม่ให้สร้างฮอร์โมนโปรเจสเตโรน(Progesterone) เพื่อขัดขวางการเจริญเติบโตของเยื่อบุโพรงมดลูก
ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
ในการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นมีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยๆ คือ คลื่นไส้อาเจียน ปวดหัวเวียนหัว คัดตึงเต้านม ปวดท้อง มีเืลือดออกกระปริบกระปรอยทางช่องคลอด ประจำเดือนมาเร็วหรือช้ากว่าปกติ โดยส่วนมากอาการต่างๆ เหล่านี้มักจะไม่รุนแรง ไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา เพราะการรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินในระยะเวลาสั้นๆ ไม่เป็นอนตรายแต่อย่างใด ในทางกลับกันหากมีการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินติดต่อกันเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดความผิดปกติที่รังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูก รวมถึงทำให้มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพด้อยกว่าการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบปกติด้วย
ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
- เข้าใจว่าการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินสามารถใช้คุมกำเนิดระยะยาวได้
- เข้าใจว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นยาทำแท้ง
- เข้าใจว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
- เข้าใจว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินอาจทำให้ทารกพิการได้ หากรับประทานไปโดยไม่รู้ว่าตั้งครรภ์
ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินและเหตุจำเป็น หากไม่ได้อยู่ในภาวะฉุกเฉินควรใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากกว่า เช่น การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นประจำทุกวัน การใช้ถุงยางอนามัย การใส่ห่วงอนามัย หรือการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด และหลังจากใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน 3 สัปดาห์ หากประจำเดือนไม่มา ควรมีการทดสอบการตั้งครรภ์เพราะอาจจะมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นแล้วก็เป็นได้
ท่านสามารถสอบถามปัญหาเกี่ยวกับยาได้ที่
FACEBOOK: พึ่งพรเภสัช ร้านยาของครอบครัวคุณ
เรามีทีมงานเภสัชกรมืออาชีพ ให้คำปรึกษาแก่ท่านด้วยความยินดีและเต็มใจ จะ inbox หรือ timeline ได้เสมอค่ะ
ยาคุมฉุกเฉินยี่ห่อเเมรี่พิงค์ ควรกินเม็ดไหนก่อนค่ะมีสองเม็ด
ตอบลบ