อาการปวดประจำเดือน (Dysmennorrhea) แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ อาการปวดประจำเดือนตามปกติ กับการปวดประจำเดือนจากพยาธิสภาพซึ่งจะมีอาการปวดมากกว่าชนิดแรก เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ปีกมดลูกอักเสบ เนื้องอกในโพรงมดลูก คอมดลูกแคบ ทำให้เลือดประจำเดือนไหลไม่สะดวก ซึ่งจะมีการรักษาแตกต่างกันไปตามชนิดของสาเหตุการปวดประจำเดือน
Primary Dysmenorrhea คือ การปวดประจำเดือนตามปกติ เกิดจาก estrogen และ Progesterone กระตุ้นเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกให้สร้าง Prostaglandin ชนิด E และ F มากเกินไปหรือมีความไวต่อสารนี้เพิ่มขึ้น ทำให้การบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูกและมดลูกหดตัวแรงขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เส้นเลือดส่วนอื่นๆ ของร่างกายหดตัวได้อีก เป็นผลให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เนื้อเยื่อได้รับเลือดไม่พอจึงเกิดอาการปวด และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเดิน ร่วมกับอาการปวดประจำเดือน การปวดท้องประจำเดือนส่วนมากจะมีอาการปวดเกร็งบริเวณท้องน้อยลามมาที่หลังส่วนล่างและขาอ่อน มักเริ่มปวดก่อนมีประจำเดือน เมื่อประจำเดือนมาอาการปวดมักทุเลาหรือหายไป หลังตั้งครรภ์อาการอาจลดลงหรือหายไปเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนการรักษา
- การรักษาเบื้องต้น เช่น พักผ่อน ประคบร้อนบริเวณท้องน้องและหลังด้านล่าง ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- การรักษาโดยใช้ยาลดการสร้าง โพรสตาแกลนดิน (Prostaglandins) และลดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ยาแก้อักเสบ ยาคุมกำเนิด (Oral contraceptive) รายที่เป็นอยู่ประจำ อาจให้กินยาเม็ดคุมกำเนิด เพื่อมิให้มีการตกไข่ จะช่วยไม่ให้ปวดได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง อาจให้ติดต่อกันนาน 3-4 เดือน แล้วลองหยุดยา ถ้าหากมีอาการกำเริบใหม่ก็ควรให้กินยาเม็ดคุมกำเนิดต่อไปอีกสักระยะหนึ่งจนกว่าเมื่อหยุดยาแล้วอาการปวดประจำเดือนทุเลาลงไป
- ถ้าอาการปวดประจำเดือนเริ่มเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในผู้หญิงอายุมากกว่า25 ปีขึ้นไป หรือมีอาการปวดมากหลังแต่งงาน หรือมีเลือดประจำเดือนออกมากกกว่าปกติ ควรแนะนำไปโรงพยาบาล เพื่อค้นหาสาเหตุ
- ยาต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory drugs) ออกฤทธิ์โดยลดระดับ โพรสตาแกลนดิน (Prostaglandins) ช่วยบรรเทาอาการปวดและลดปริมาณเลือดประจำเดือน เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ดีที่สุดควรกินดังนี้
- การกินยาตามนี้จะช่วยให้อาการปวดหายไปในเวลา 1 - 2 วัน หากกินยาหลังจากนี้จะทำให้อาการปวดหายช้าลง
- ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ด ส่วนใหญ่มักกินแบบชนิดรวม โดยจะช่วยป้องกันการตกไข่ ลดความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก และลดการสร้างโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandins)
2.Secondary Dysmenorrhea
Secondary Dysmenorrhea มักปวดรุนแรงกว่าแบบแรก และปวดตลอดเวลาที่มีประจำเดือน เกิดจากความผิดปกติทางสูตินรีเวช เช่น- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- ปีกมดลูกอักเสบ
- เนื้องอกในโพรงมดลูก
- คอมดลูกแคบ ทำให้เลือดประจำเดือนไหลไม่สะดวก
อ้างอิง: วิทิตดา อวัยวานนท์. ปวดประจำเดือน. ใน เอกสารประกอบการติวใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม, 22-23. คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาัลัย. กรุงเทพฯ: 2549.
Link: Primary Dysmenorrhea Consensus Guideline
ท่านสามารถสอบถามปัญหาเกี่ยวกับยาได้ที่
FACEBOOK: พึ่งพรเภสัช ร้านยาของครอบครัวคุณเรามีทีมงานเภสัชกรมืออาชีพ ให้คำปรึกษาแก่ท่านด้วยความยินดีและเต็มใจ จะ inbox หรือ timeline ได้เสมอค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น